เปิดใจสู่โลกภายใน : การเดินทางค้นพบตัวตนใน DREAMABLE Meetup 2025
ในวันสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2568 ยามบ่ายที่ผ่านมานั้น ได้มีกิจกรรม DREAMABLE Meetup 2025 จัดขึ้นที่ SC Asset ; Co Lab ชั้น 14 อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของค่าย TCF Dreamable 2025 (Young Innovators Camp) ที่ได้เปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนผู้มีใจใฝ่ฝัน ได้มาร่วมเรียนรู้และสำรวจโลกภายใน ผ่านกิจกรรมที่เติมเต็มพลังใจ และเปิดโอกาสให้เราได้หยุดมองเห็นความรู้สึกลึกๆ ของตัวเองอย่างแท้จริง

ตั้งแต่ช่วงบ่ายต้นจนถึงเย็น เด็กๆ ได้นิยามความหมายของ ‘การรู้จักกับตัวเอง’ และถูกถ่ายทอดผ่านหลายมิติ ตั้งแต่การเข้าใจผลกระทบของความรู้สึกลบที่แฝงอยู่ในใจ ไปจนถึงการหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายภาพอย่างมีสติ เพื่อตกผลึกความคิดและเชื่อมต่อกับตัวตนอย่างลึกซึ้ง
“สติไม่ใช่การห้ามใจไม่ให้รู้สึก แต่คือการรู้ทันใจในทุกความเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ใจมั่นคงไม่ถูกความคิดลบครอบงำ” (รศ.นพ.ชัชวาลย์ ศิลปกิจ)

13:00 น. เราเปิดเวทีด้วย Open Stage : IMPACT OF NEGATIVE FACTOR โดย รศ.นพ.ชัชวาลย์ ศิลปกิจ ผู้อำนวยการศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ชักชวนให้เราเรียนรู้ที่จะ ‘เห็น’ และ ‘ยอมรับ’ ความรู้สึกเชิงลบ ด้วยสติที่ไม่ตัดสินตัวเอง โดยที่การฝึกสติ (Mindfulness) นั้นเป็นเหมือนการสร้างภูมิคุ้มกันให้ใจมั่นคง ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันและความมั่นคงภายในใจ เพราะการเรียนรู้ที่จะอยู่กับความรู้สึกเชิงลบอย่างมีสตินั้นจะช่วยเปิดทางให้เกิดการเยียวยาภายใน และการเติบโตทางจิตใจที่แท้จริง



ถัดมาในช่วงถาม-ตอบกับศูนย์จิตตปัญญาศึกษา เปิดโอกาสให้ได้แลกเปลี่ยนความรู้และแบ่งปันเคสจริงที่กำลังดำเนินการอยู่ในแวดวงจิตใจและการเยียวยา
ต่อด้วยเวลา 14:00-15:45 น. จะเป็นกิจกรรม Contemplative Photography ที่นำโดย ครูหน่อง-กฤชกร วงษ์ศรีษะ และครูโต้ง-ศรายุทธ์ ทัดศรี ศูนย์จิตตปัญญาศึกษา ที่ชี้ชวนให้เรา ‘ถ่ายภาพเชิงภาวนาอย่างใคร่ครวญ’ ซึ่งจะกลายเป็นอีกหนึ่งบทเรียนชั้นดีในการฝึกชะลอความคิดและอยู่กับปัจจุบันผ่านเลนส์กล้อง โดยกิจกรรมจะให้น้องๆ ได้ลองถ่ายรูปตามโจทย์ต่างๆ ที่ได้รับ ซึ่งมุมมองของการถ่ายภาพเหล่านั้นจะะท้อนความเป็นตัวเราจากภายใน โดยที่เน้นว่าการถ่ายภาพเชิงภาวนาในที่นี้ไม่ได้ต้องการภาพที่สมบูรณ์แบบ แต่เน้นถึงความสม่ำเสมอในการอยู่กับตัวเอง และเห็นคุณค่าของตัวเองโดยไม่ต้องรอให้คนอื่นมามอบให้






“การถ่ายภาพเชิงภาวนาเป็น ‘เครื่องมือ’ ที่ช่วยให้เราได้เชื่อมโยงกับตัวเอง คนรอบข้าง และเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านกล้อง มันช่วยชะลอความเร็วของความคิดที่เกิดขึ้นในหัวเรา และทำให้เรารับรู้ได้ลึกซึ้งขึ้น” (ครูหน่อง-กฤชกร วงษ์ศรีษะ)

“เสน่ห์ของการถ่ายภาพเชิงภาวนาคือ มันเติมความช้า ทั้งทางกาย ความคิด ทำให้เรามีโอกาสได้อยู่กับปัจจุบันจริงๆ เห็นตัวเอง เห็นสิ่งที่เรากำลังทำ ซึ่งทั้งหมดนี้คือการฝึกสติและตระหนักรู้ในชีวิตประจำวัน” (ครูโต้ง-ศรายุทธ์ ทัดศรี)
ในเวลาเดียวกัน กิจกรรม Creative Solutions for Yourself โดยครูแป้ง-คณิดา พุกบุญมี จาก The Present Haus ได้ชวนน้องๆ ร่วมฝึก ‘การเห็นตัวเองอย่างลึกซึ้ง’ ทั้งมิติของความรู้สึก และอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านศิลปะและการจินตนาการอย่างมีเป้าหมาย ผ่านการให้ลองวาดสิ่งที่น้องๆ คิดอยู่ในใจออกมา แล้วสื่อสารสิ่งเหล่านั้นผ่านสี เส้น และรูปทรง ก่อนจะถ่ายทอดความหมายออกมาเป็นเรื่องเล่า เพราะเมื่อเราเริ่มเข้าใจตัวเองอย่างแท้จริง เราก็จะสามารถเข้าใจผู้อื่นได้ลึกซึ้งขึ้นเช่นกัน และเมื่อใจเรายืนหยัดได้ เราก็จะยังมองเห็นคุณค่าของตัวเอง แม้ในวันที่รู้สึกอ่อนแรงที่สุด



“การวาดภาพจึงกลายเป็นพื้นที่ให้ใจได้พูด ในขณะเดียวกันก็ฝึกการฟังด้วยหัวใจผ่านการแบ่งปันระหว่างกัน เพื่อให้เราเข้าใจตัวเองและผู้อื่นมากขึ้นไปพร้อมกัน” (ครูแป้ง-คณิดา พุกบุญมี)

เวลา 15:45-17:30 ปิดท้ายด้วย Talk ที่อบอุ่นใจจาก ครูต้น-นรพันธ์ ทองเชื่อม นักจิตวิทยาและนักบำบัดที่นำเราเข้าไปสำรวจ ‘โลกภายในของเด็กชายก้อนแป้ง’ ผ่านสัญลักษณ์ของตัวตนที่ยังเติบโตและเรียนรู้






“อยู่กับอารมณ์ ยอมรับว่าเจ็บปวด แล้วเราจะโตขึ้นในแบบของเรา” ครูต้น-นรพันธ์ ทองเชื่อม

ในงานนี้ไม่ใช่แค่การฟังเสวนาหรือเวิร์กช็อป แต่เป็นการเดินทางสู่การค้นพบตัวเอง ที่ปลุกพลังใจและความฝันของเด็กๆ ให้กล้าหาญที่จะก้าวต่อไปในโลกที่ไม่สมบูรณ์ แต่เต็มไปด้วยความหมาย และที่สำคัญที่สุด พร้อมจะส่งต่อสิ่งดีๆ เหล่านี้ให้กับบุคคลอื่นด้วยนวัตกรรมต่างๆ ผ่านสิ่งที่น้องๆ กำลังคิดพัฒนาไอเดีย เพราะเมื่อเราเข้าใจตัวเอง เราก็พร้อมจะก้าวสู่ความฝันด้วยใจที่เข้มแข็งและสงบนิ่ง แล้วก็จะส่งต่อสิ่งที่ดีให้คนอื่นได้เสมอไปเช่นเดียวกัน
วันที่สองของ DREAMABLE Meetup 2025: ฝันที่ลงมือทำ สู่ความยั่งยืนที่จับต้องได้
ต่อกันด้วยวันที่สอง วันนี้ (27 กรกฎาคม 2568) ได้มีกิจกรรม DREAMABLE Meetup 2025 จัดขึ้นที่ SC Asset ; Co Lab ชั้น 14 อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 อีกครั้ง โดยที่ในวันนี้ว่าด้วยประเด็นของความยั่งยืน (Sustainable) ผ่านการเปิดพื้นที่แชร์ประสบการณ์จากพี่ๆ เมนเทอร์ที่ทำธุรกิจเพื่อความยั่งยื เพื่อเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนผู้มีใจใฝ่ฝัน ได้มาร่วมเรียนรู้และสำรวจโลกแห่งความยั่งยืนไปด้วยกัน




เราเริ่มต้นวันกันด้วย Open Stage : NAVIGATING THE SUSTAINABILITY CROSSROADS CHALLENGES AND OPPORTUNITIES โดย คุณบ๊อบบี้-ภาคภูมิ มะหะสิทธิ์ CEO&FOUNDER GREENROCKET IMPACT VENTURE ในเวลา 13:15-14:00 น. พี่บ๊อบบี้ชวนผู้ฟังมอง ‘ธุรกิจ’ ใหม่ ที่ไม่ใช่แค่เครื่องมือแสวงหากำไร แต่คือกลไกที่ออกแบบให้คนธรรมดาลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงบางอย่างในโลกของตัวเองได้จริง
จากประสบการณ์กว่า 15 ปีในแวดวงนวัตกรรมและการเงินเพื่อสังคมบอกกับพี่บ๊อบบี้ว่า การจะทำ ‘ธุรกิจอย่างยั่งยืน’ โมเดลจะต้องเกิดจากความเข้าใจบริบท และออกแบบให้ ‘อยู่ได้’ ก่อนจะ ‘เปลี่ยนได้’ เขาย้ำว่าสิ่งสำคัญไม่ใช่ความฝันยิ่งใหญ่ แต่คือการมองเห็น ‘ระบบ’ ที่คนเล็กๆ ต้องอยู่ร่วมกับมัน และสร้างจุดเปลี่ยนเล็กๆ
“สิ่งสำคัญของธุรกิจเพื่อสังคมไม่ใช่แค่ความตั้งใจดี แต่ต้องออกแบบให้ผู้คนอยู่รอดได้โดยไม่ต้องเสียสละความเป็นอยู่ของตัวเองทั้งหมด เพื่อที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างไปพร้อมกัน” (คุณบ๊อบบี้-ภาคภูมิ มะหะสิทธิ์ CEO&FOUNDER GREENROCKET IMPACT VENTURE)
ถัดมากับ 14:00-14:30 น. ฟางไทย CREATIVE EXHIBITION ประสบการณ์การนำเสนองานและโลกของความยั่งยืน โดย พี่นุ๊ก-จารุวรรณ คำเมือง ชุมชนบ้านสามขา ชวนให้เยาวชนกว่า 60 คนได้ทดลองเป็น ‘นักล่าคุณค่า’ ผ่านการหยิบจับวัสดุเหลือใช้ วัสดุธรรมชาติ หรือของรีไซเคิลที่กระจายอยู่เต็มห้อง แล้วเลือกสิ่งที่สะดุดตาหรือสะดุดใจ พร้อมตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมถึงเลือกสิ่งนี้?” และ “มันมีคุณค่ายังไงในสายตาเรา?”






บางคนเลือกเศษกระดาษ บางคนหยิบกระดาษ การ์ด จานข้าวที่ทำจากฟาง หรือหลอดฟางจากข้าว กระบวนการที่ดูเรียบง่ายกลับช่วยเปิดพื้นที่ให้ผู้เข้าร่วมได้ฟังเสียงภายในของตัวเอง และเชื่อมโยงกับคุณค่าในมุมมองของตนอย่างอิสระ
ไม่ใช่แค่เรื่องของการรีไซเคิลหรือความยั่งยืน แต่กิจกรรมนี้คือการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการมองโลกและมองตัวเอง เยาวชนได้ฝึกฝนการใช้จินตนาการ คิดสร้างสรรค์ และเชื่อมโยงสิ่งรอบตัวเข้ากับความคิด ความรู้สึก และความฝันของตัวเองอย่างลึกซึ้ง ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนแนวทางของชุมชนบ้านสามขา จังหวัดลำปางที่เชื่อในพลังของการเรียนรู้ผ่านโครงงานและการลงมือทำจริง
“การทำงานเกี่ยวกับความยั่งยืนบอกกับเราว่า ในการเลือกหยิบสิ่งต่างๆ มา คุณค่ามันไม่ได้อยู่ที่ของ แต่อยู่ที่ความหมายที่เราใส่ลงไป” (พี่นุ๊ก-จารุวรรณ คำเมือง)

หลังจากกิจกรรมช่วงแรกสิ้นสุดลง พี่บ๊อบบี้และพี่นุ๊กจึงร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์การทำงานจริงที่ทั้งสองเคยพบเจอ โดยเฉพาะการเรียนรู้และทำความเข้าใจปัญหาที่ซับซ้อนในการพัฒนางานแต่ละชิ้น เพื่อให้น้องๆ เยาวชนที่กำลังอยู่ในกระบวนการขัดเกลาไอเดียของตัวเอง ได้แลกเปลี่ยนมุมมอง เรียนรู้จากของจริง และมองเห็นแนวทางใหม่ๆ ในการต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

15:30-17:30 น. เราต่อกันด้วย “Build Forward” SC Sustainable Development และช่วง Panelist : Sharing Case Study การส่งคุณค่าให้กับ stakeholders โดย คุณสุดารัตน์ เจริญเกตุมงคล Senior Executive Vice President Sustainable SC Asset ที่ได้พาเราไปร่วมทำความเข้าใจหัวใจสำคัญของการทำงานที่แท้จริงคือ ‘ลูกค้า’ ผ่านการมองภาพกว้างของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีหัวใจแห่งความยั่งยืน โดยเฉพาะในแง่มุมของ ESG ที่ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อมหรือสังคมอย่างเดียว แต่รวมถึงการฟังเสียงของลูกบ้านอย่างแท้จริง



“การสร้าง ‘บ้าน’ ที่ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ที่เติมพลังให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย” คือหัวใจหลักของ SC Asset อีกทั้งยังมีนวัตกรรมและบริการที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ ภายใต้เป้าหมาย “สร้างเช้าที่ดีให้กับลูกบ้าน For Good Mornings” เพื่อให้ทุกวันเต็มไปด้วยความมั่นคงและการเติบโต การเดินทางนี้สอนให้เรารู้ว่าเมื่อเราสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพ และใส่ใจในรายละเอียดทั้งขนาดเล็กและใหญ่ สิ่งที่ตามมาคือความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและยั่งยืนระหว่างผู้สร้างกับผู้รับ ทั้งหมดนี้คือบทเรียนที่เปิดพื้นที่ให้เราได้คิดถึง ‘ลูกค้า’ ในมิติที่หลากหลายและลึกซึ้งกว่าที่เคยเข้าใจ

ต่อด้วย คุณภาวิดา คุปตานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารทรัพยากรบุคคล และธุรการผู้ดูแลฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล ได้เปิดเผยเบื้องหลังการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ใช่แค่การบริหารงาน แต่คือการเติมเต็มคุณค่าให้กับพนักงานเหมือนดอกทานตะวันที่หันหน้าเข้าสู่แสงแดดของลูกค้าอย่างไม่หยุดนิ่ง ผ่านกลยุทธ์ 6 ด้านที่เน้นพัฒนาศักยภาพ สร้างวัฒนธรรมองค์กร และนำเทคโนโลยี AI มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ในขณะเดียวกันก็รับฟังเสียงของพนักงานอย่างลึกซึ้งเพื่อปรับสวัสดิการให้ตรงกับความต้องการจริง
“การเดินทางของ SC Asset ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่คือการรังสรรค์ ‘บ้าน’ ที่อบอุ่นทั้งสำหรับลูกค้าและทีมงาน โดยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และการเติบโตร่วมกันในทุกมิติ” นี่คือบทเรียนสำคัญของการทำงานที่มีหัวใจและความยั่งยืนอยู่ในแก่นของทุกสิ่ง

ซึ่งสำหรับ คุณพิษณุ เดชสง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานกลยุทธ์ต้นทุน และห่วงโซ่อุปทาน และรักษาการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานจัดซื้อ ผู้ดูแลงานบริหารคู่ค้าและห่วงโซ่อุปทาน ที่เล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่คือการเดินเคียงข้างของ ‘หุ้นส่วนแห่งความสำเร็จ’ ที่ต้องเติบโตไปด้วยกัน ด้วยความเชื่อมั่นว่าการสร้างบ้านที่ดีเริ่มจากการเลือกสรรคู่ค้าที่ใส่ใจคุณภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง การบริหารจัดการที่โปร่งใสและเป็นธรรม รวมถึงการส่งมอบที่ตรงเวลาและได้มาตรฐาน คือหัวใจสำคัญในการสร้างความเชื่อใจและความยั่งยืน
“นอกจากนี้ SC Asset ยังเปิดโอกาสให้คู่ค้ารายเล็กและสตาร์ทอัพที่มีนวัตกรรมและความแปลกใหม่เข้ามาเติมเต็มวงจรห่วงโซ่อุปทาน ด้วยความเข้าใจว่า ‘ความแตกต่าง’ และ ‘ความสดใหม่’ เหล่านี้คือพลังขับเคลื่อนให้ธุรกิจและสังคมเดินไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคงและเต็มไปด้วยความหวัง”

วันนี้คือวันที่เราได้สัมผัสกับพลังแห่งความฝันที่ไม่ได้อยู่แค่ในจินตนาการ แต่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ผ่านเสียงหัวใจและไอเดียของน้องๆ ที่กล้าหาญจะก้าวออกมาเล่าเรื่องราวของตัวเองอย่างแท้จริง เมื่อพลังนั้นถูกหลอมรวมกับความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากผู้ใหญ่ที่เชื่อมั่นในศักยภาพของพวกเขา ก็เหมือนได้จุดประกายไฟเล็กๆ ที่กำลังลุกโชนอยู่ในใจให้ลามไปไกลและสว่างไสวมากขึ้นไปอีก



ดังนั้น สเต็ปถัดไปจึงไม่ใช่แค่การฝันหรือวาดภาพในใจเท่านั้น แต่คือการบ่มเพาะไอเดียเหล่านั้นอย่างตั้งใจและมีเป้าหมาย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการพิชชิ่งที่จะเป็นเวทีที่น้องๆ จะได้ส่งต่อความฝันและความตั้งใจสู่สายตาของโลกใบนี้ ด้วยหัวใจที่กล้าหาญและความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่มีวันหยุดเดินหน้า
เพราะทุกก้าวเล็กๆ ที่วันนี้ พวกเขาก้าวไป คือก้าวสำคัญที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ให้ดียิ่งขึ้นอย่างแท้จริง