Dreamable Final Day 2025  ก้าวแรกสู่การพิชชิ่งเวทีจริงของเยาวชนผู้สร้างฝัน

วันที่ 6-7 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ณ โรงแรม SC Park Hotel ทีมงานมูลนิธิไทยคมได้จัดกิจกรรม DREAMABLE Final Day Ignite Ideation การเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่การพิชชิ่งจริง ซึ่งงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของค่าย TCF Dreamable 2025 (Young Innovators Camp) ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยผู้มีใจใฝ่ฝันสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วยนวัตกรรมที่เกิดจากความคิด การลงมือทำ และการสร้างสรรค์ด้วยฝีมือของพวกเขาเอง

สำหรับกิจกรรมแรกในวันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2568 เวลา 10:00-12:00 น. คือ Open Talk จาก 3 วิทยากร โดย EYEDROPPER-FILL, ครูคะนิ้ง-วราภรณ์ ภักดีวงษ์ นักจัดกิจกรรมการเรียนรู้เด็กและเยาวชน ต่อด้วยคุณเติ้ล-ณัฐนนท์ ดวงสูงเนิน บรรณาธิการบริหาร Spaceth.co และกรรมการสมาคมผู้ดูแลเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ไทย (TWA) และคุณจาบอน-จามิกร ผิวละออง กรรมการสมาคมผู้ดูแลเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ไทย (TWA) ที่มาอุ่นเครื่องและบอกเล่าเรื่องราวของความฝัน ความตั้งใจ และการทำงานจริงในแต่ละสายงาน

ถัดมาช่วง 13:00-15:00 น. คือ Session ของการอุ่นเครื่องเตรียมความ PRE PITCHING เพื่อขายไอเดียให้กับผู้บริหารและผู้ลงทุน จาก คุณจูน-โฉมชฎา กุลดิลก Head of Corporate Brand and Communications SC Asset และคุณไผ่-นันทสิทธิ์ สาขากร Senior Manager – Creative and Production SC Asset ที่พร้อมเผยเคล็ดลับและเล่าประสบการณ์การนำเสนอผลงานอย่างน่าสนใจและมีประสิทธิภาพ โดยคุณไผ่เล่าว่า สิ่งที่สำคัญมีหลายประการ เช่น การเตรียมตัวให้พร้อม, การทำความเข้าใจผู้ฟัง และการนำเสนอที่น่าจดจำ ผ่านความตั้งใจและความเชื่อในสิ่งที่เรากำลังจะเสนอ ซึ่งเรียกว่าเป็น ‘หัวใจ’ ของการพิชชิ่ง

สำหรับคุณจูนมองว่า การนำเสนอที่ดีควรเปิดให้สวย และต่อด้วยการทำให้ผู้ฟังเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังจะสื่อและมีอารมณ์ร่วมไปพร้อมๆ กัน เทคนิคสำคัญคือให้ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย กระชับ แต่ทรงพลัง และสำหรับเนื้อหาก็ควรสำรวจว่า เนื้อหาของเราดีแค่ไหน สามารถสร้างความตื่นเต้นได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่แน่ใจก็อาจลองหาตัวอย่างรอบตัวที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น เช่น ภาพยนตร์ เรื่องเล่า หรือเหตุการณ์ที่กระทบใจจากประสบการณ์ตรงเพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกเชื่อมโยง

และแน่นอนว่า ‘อาการตื่นเต้น’ ก่อนนำเสนอล้วนเป็นเรื่องปกติที่ใครหลายคนต้องเจอ ซึ่งเราสามารถรับมือได้ผ่านการฝึกสติ หายใจเข้าลึกๆ สัก 3 ครั้งเพื่อทำให้หัวใจเราเต้นช้าลงและควบคุมอารมณ์ได้ พี่ๆ ทั้งสองจึงแนะนำให้น้องๆ ใช้วิธี้นี้เพื่อลดความตื่นเต้นก่อนขึ้นเวทีนำเสนอผลงาน

ไปกันต่อกับ PANEL STAGE : DARE TO DO ในเวลา 15:15-16:00 น. ซึ่งเป็น Road Map To Do เพื่อเข้าใจเส้นทางต่อไปจาก ‘ความคิด’ สู่ ‘การปฏิบัติ’ ในการขายงานและทำงานร่วมกันกับบริษัทหรือผู้ให้ทุน โดยคุณเติ้ลและคุณจาบอน จากสมาคมผู้ดูแลเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ไทย (TWA) และคุณนิว-ธนวัฒน์ เขมวัชรเลิศ Software Developer ซึ่งทั้งสามท่านนำเสนอถึงประเด็นสำคัญหลายอย่าง ตั้งแต่แรกเริ่มว่า ‘คำถามสำคัญ’ ในการทำโปรเจกต์ของเราคืออะไร เราไปเพื่ออะไร? (หาเหตุผลและคุณค่าของสิ่งที่เราทำ) จะไปได้ถึงไหน? (จะเป็นคำถามที่ตามมาเมื่อเราเจอความหมายในสิ่งที่ทำแล้ว) และอีกอย่างคือ ‘การสร้างตัวตน’ ในแบบของตัวเองที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ผ่านการพาตัวเองไปอยู่ในกลุ่ม ทั้งที่เก่งกว่า คนที่พอๆ กัน หรือกระทั่งคนที่เก่งน้อยกว่าเรา เพื่อเรียนรู้จากคนอื่นและนำมาปรับใช้กับตัวเอง

แต่ถึงอย่างนั้น คุณเติ้ลก็ย้ำว่าไม่ว่าเราจะไปแข่งขันอีกสักกี่เวที ประกวดอีกกี่หน ก็อย่าลืมแก่นหลักและตัวตนของตัวเอง และระวังอย่าให้การแข่งขันจากภายนอกมาบดบังความสุขในการทำงานของเราไปเช่นกัน

หลังจากลุยพาเนลเพิ่มแรงบันดาลใจมาทั้งวัน ก็ถึงเวลาเติมพลังด้วยข้าวมื้อเย็นแสนอร่อย และกลับมาต่อกันด้วย REFLECTION & DINING TALK เวลา 19:00-21:00 น. ที่ชวนน้องๆ มาทำความรู้จักตัวเองให้มากขึ้นผ่านกระบวนการสังเกตความคิดและการแสดงออก และเรียนรู้ตัวตนระหว่างกันเพื่อการเติบโตอย่างเข้าใจ ผ่านการให้น้องๆ แนะนำตัวทำความรู้จักกันระหว่างกลุ่ม จับคู่เล่นเกมสลับกันตอบคำถาม และวาดรูป 4 ช่องเพื่อทบทวนตัวเองผ่านคำถาม “ตัวฉันในตอนนี้”. “ตัวฉันที่อยู่ในโครงการนี้”, “เรื่องยากๆ ที่ก้าวข้ามมาได้ใน 3 เดือนนี้” และสุดท้าย “ฉันในเวอร์ชันที่อยากเป็น”

ก่อนที่จะมานั่งล้อมวงกับเพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกัน ให้แชร์สิ่งที่วาดและความในใจ โดยเรารับฟังกันอย่างไม่ตัดสินกัน ก่อนจะปิดท้ายวันอย่างอบอุ่นด้วยการมานั่งล้อมวงกลมและแชร์กันในวงใหญ่ ทุกคนต่างกล่าวขอบคุณซึ่งกันและกัน และเดินจับมือซึ่งกันและกันเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น

ถัดมาในวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2568 ซึ่งถือว่าเป็นสำคัญ เพราะเป็นวัน Pitching Day ของน้องๆ ทั้ง 10 ทีม เวลา 10:00 น. เราเริ่มต้น Session เช้ากันด้วยพาเนลของคุณฝน-อันธิกา ชินวัตร Sales Manager, Western Digital Storage Technologies (Thailand) Ltd. ที่มาแนะนำเพิ่มเติมกี่ยวกับกลยุทธ์การขายงาน (Pitching) ในฐานะเซลล์ ซึ่งสำหรับคุณฝนแล้ว การเป็นเซลส์ไม่ใช่เพียงการขายสินค้า แต่คือการเข้าใจปัญหาของลูกค้าและนำเสนอทางแก้ที่เหมาะสม

“หลักในการพรีเซนต์ที่ยึดถือเสมอคือ เริ่มจากบอกว่าเราเป็นใคร กำลังทำอะไร และทำไมเขาต้องเลือกเรา โดยใช้วิธีเล่าเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับความจริงจากประสบการณ์จริง”

เพราะเซลส์ที่ดีคือการสร้างการรับรู้และความเข้าใจ มากกว่าการปิดการขายเพียงอย่างเดียว โดยคุณฝันยังชี้เห็นถึงความสำคัญของการซ้อม การเตรียมตัวอย่างดี และการใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยบนเวที

“การเล่าจากสิ่งที่ทำจริง คือสิ่งที่สร้างความมั่นใจที่สุด และทำให้ผู้ฟังจดจำตัวตนของเราได้อย่างแท้จริง” คุณฝนกล่าวปิดท้าย

หลังจากนั้นน้องๆ เยาวชนทุกทีมได้เตรียมซักซ้อมการนำเสนอ และเข้ารับคำปรึกษาจากพี่ๆ เมนเทอร์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหน้าจะนำเสนอผลงานในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า

เข้าช่วงบ่าย 13:00 น. ก็ถึงช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย การนำเสนอผลงานของน้องๆ ทั้ง 10 ทีมก็มาถึง โดยที่แต่ละทีมจะได้นำเสนอทีมละ 5-7 นาที และคอมเมนต์ทีมละ 10 นาที

คณะกรรมการของเราในวันนี้ประกอบไปด้วย คุณทรงศักดิ์ เปรมสุข คณะกรรมการมูลนิธิไทยคม, คุณภาคภูมิ มะหะสิทธิ์ CEO & FOUNDER GREENROCKET IMPACT VENTURE และคุณชาคริต จันทร์รุ่งสกุล CEO FIREONEONE โดยมีเกณฑ์การตัดสิน ดังนี้

  1. ความชัดเจนของแนวคิด ความตั้งใจ และแรงผลักดันของทีมงาน (Project Owner Motivation)
  2. ความเข้าใจปัญหาจนถึงรากและออกแบบ Concept ได้สอดคล้องกับปัญหานั้นจริงๆ (Understanding The Real Problem)
  3. ศักยภาพของไอเดีย และความสามารถในการสร้างการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมได้ (Social Impact)
  4. การทำงานร่วมกันระหว่างผู้คนต่างสายงาน ต่างความเชี่ยวชาญ ในการพัฒนางานใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น (Creative Collaboration)

ในภาพรวมฟีดแบกจากกรรมการ คุณทรงศักดิ์ เปรมสุข คณะกรรมการมูลนิธิไทยคม ให้ความคิดเห็นว่า โครงการทุกโครงการมีคุณค่าและมีศักยภาพ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ‘การจัดระเบียบความคิด’ ก่อนนำเสนอ และความมั่นใจในการสร้างสรรค์ผลงานต่อได้จริง

ทางด้าน คุณภาคภูมิ มะหะสิทธิ์ CEO & FOUNDER GREENROCKET IMPACT VENTURE กล่าวว่า ในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นการแข่งขันสูงมาก ในแต่ละโครงการมีความน่าสนใจแตกต่างกันในแบบของตนเอง นอกเหนือจากภาคธุรกิจ การทำงานเพื่อสังคมมีพื้นที่อีกจำนวนมากให้ทุกคนได้ทดลองทำงานสร้างสรรค์ และอีกสิ่งสำคัญคือการต่อยอดเงินทุนให้คุ้มค่า เพราะจะทำให้เห็นโอกาสใหม่ๆ และไปได้ไกลขึ้นอย่างแน่นอน

สำหรับ คุณชาคริต จันทร์รุ่งสกุล CEO FIREONEONE กล่าวว่า ธุรกิจที่เกิดและเติบโตมาได้คือการสร้างสรรค์งานจาก ‘แรงบันดาลใจ’ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ อาศัยเรื่องนี้อยู่มาก และอีกสิ่งสำคัญคือการลงมือทำจริงไม่ให้ความคิดสร้างสรรค์หลุดลอยไป ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไรก็ตาม และเน้นย้ำคล้ายคุณทรงศักดิ์ว่า ‘วิธีคิด’ เป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งจะต่อยอดและทำได้ดีผ่าน ‘ทักษะการตั้งคำถาม’ และอย่ากลัวที่จะผิดพลาด เพราะความผิดพลาดนี่แหละที่จะทำให้เราเป็นมืออาชีพ

สำหรับทีมที่ได้รับทุนไปต่อยอดโครงการ มีดังนี้

อันดับที่ 1 ทีม BLUESCAN ได้รับเงินทุน 50,000 บาท

อันดับที่ 2 ทีม 404 GaeDai ได้รับเงินทุน 30,000 บาท

อันดับที่ 3 ทีม The Identity Gap ได้รับเงินทุน 20,000 บาท

ทีมงานมูลนิธิไทยคมขอขอบคุณทุกความตั้งใจและความทุ่มเทของทุกทีม ที่มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจและความหวังใหม่ให้สังคมไทย เพราะพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ของคุณคือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ

เราหวังว่าทุกโครงการจะยังคงเดินหน้าต่อไป ด้วยหัวใจที่เชื่อมั่นและไม่หยุดตั้งคำถาม เพราะทุกย่างก้าวคือการเรียนรู้ และทุกการลงมือทำคือการสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับพวกเราทุกคน