Dreamable กับบทเรียนจิตตปัญญา : เมื่อใจไม่ต้องรีบหายดี

“การฝึกสติคือการสร้างภูมิคุ้มกันทางใจ ให้เรามีอิสระจากอารมณ์ลบ ไม่ต้องตอบสนองทุกความรู้สึก ไม่ต้องรีบดีขึ้น แต่ค่อยๆ อยู่กับตัวเองอย่างเข้าใจ”

เมื่อวันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 13:00 น. มูลนิธิไทยคมได้มีการจัดงาน Dreamable Meetup เพื่อเปิดเซสชั่นให้เยาวชนผู้เข้าร่วมโครงการ Dreamable ได้ร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนประเด็นกับผู้เชี่ยวชาญและคนทำงานจริงมากประสบการณ์ ซึ่งสำหรับประเด็นของ ‘การฝึกสติ’ (Mindfulness) เราได้เปิดเซสชั่น ‘IMPACT OF NEGATIVE FACTOR’ โดย รศ.นพ.ชัชวาลย์ ศิลปกิจ ผู้อำนวยการศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ชักชวนให้เราเรียนรู้ที่จะ ‘เห็น’ และ ‘ยอมรับ’ ความรู้สึกเชิงลบ ด้วยสติที่ไม่ตัดสินตัวเอง

คุณเคยรู้สึกผิดที่ยัง ‘รู้สึกไม่ดี’ อยู่ไหม? บางทีแค่ใจยังไม่ดีขึ้น ก็เหมือนผิดแล้วในสายตาใครหลายคน แต่บทเรียนจากเวที Dreamable สอนเราว่าใจที่ยังไม่พร้อมจะหายดี ก็มีค่าพอจะได้รับความเข้าใจ

อาจารย์ชัชวาลย์ได้ให้แนวคิดสำหรับการจัดการอารมณ์ไว้ 5 ข้อหลัก ได้แก่

  • อารมณ์กับการสื่อสาร ล้วนเป็นสิ่งสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ขาด : ลองสังเกตว่าเมื่ออารมณ์ขึ้น เรามักจะคุยกันไม่รู้เรื่องเสมอ และการฝึกสติจะเป็นตัวที่คอยบอกเราให้รู้เท่าทันว่ากำลังรู้สึกอย่างไร ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร
  • EQ เป็นการทำความเข้าใจสำคัญกับการจัดการอารมณ์และการตระหนักรู้ เพราะอารมณ์ถือเป็นสิ่งเร้า ที่เราควรสังเกต รู้ทัน เลือกวางใจ และแยกแยกให้ออกว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ตัวเราเองทั้งหมด มันแค่เข้ามาและจะผ่านไป
  • อารมณ์ลบๆ เช่น ความอิจฉา หรือความโกรธครอบงำเราเป็นครั้งคราว ซึ่งถ้าเรารู้ทันความรู้สึกเหล่านั้นก็จะหลุดไป แต่หากไม่รู้เท่าทันเราจะกลายเป็นสิ่งนั้น
  • ยึดมั่นในคุณค่าของตัวเราเอง และรับความเป็นเราอย่างไม่มีเงื่อนไข หากเราเห็นว่าตัวเราเองและคนอื่นเป็นมนุษย์เท่ากัน เราจะไม่ตั้งคำถามหรือหาวิธีทางพิสูจน์คุณค่าของเราอีก เหลือแค่เพียงการพัฒนาตัวเองเท่านั้น
  • ‘ความผิดพลาด’ คือ โอกาสในการเรียนรู้ เพราะทุกคนล้วนเคยผิดพลาด แต่เราจะมีมุมมองกับมันอย่างไร

“บางครั้งใจเรายังไม่พร้อมจะดีขึ้น
และการฝืนให้รีบดีขึ้น บางทีก็เป็นการทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว”

การมีสติในแบบที่อาจารย์ชัชวาลย์พูดถึงจึงไม่ใช่การห้ามใจไม่ให้รู้สึก ไม่ใช่การกดทับให้เป็นคนดี แต่คือการรู้ทันว่าขณะนี้ใจเรากำลังรู้สึกอะไร และเลือกที่จะ ‘อยู่กับมัน’ อย่างไม่เร่งรีบ

“อารมณ์ลบก็เหมือนไวรัส สติคือภูมิคุ้มกันที่ทำให้เราไม่ต้องตอบสนองทันที ไม่ต้องรีบทำอะไรกับมันก็ได้ แค่รู้ว่ามันอยู่ตรงนั้น ก็เพียงพอแล้ว” และที่งดงามมากคือ เมื่อใจได้พัก ได้หายใจ ไม่ต้องวิ่งหนี ไม่ต้องแสร้งเข้มแข็ง เราจะเริ่มเห็น ‘ภูมิทัศน์ของใจ’ (Mindfulness Landscape) ที่เปลี่ยนแปลงได้ และหายดีจากโรคร้ายทางใจ

และถึงแม้ว่า บางวันอาจเป็นใจที่ฝนตก บางวันอาจมีหมอกลงจัด แต่เมื่อเราหยุดบีบคั้นใจให้ต้องมีแดดตลอดเวลา เราจะค่อยๆ เห็นว่าใจที่เปียกปอน ก็มี ‘คุณค่า’ ในแบบของมันเอง

สิ่งที่ Session นี้บอกกับเราตลอด 45 นาที คือ ความเปราะบางไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือที่ว่างให้ความเข้าใจงอกขึ้น เพราะการเยียวยาไม่ใช่การรีบลุก แต่คือการค่อยๆ อยู่กับความเจ็บ ด้วยความเมตตาต่อตัวเองแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน

“แค่เห็นความรู้สึกของตัวเอง โดยไม่หนี ไม่ตัดสิน ก็ถือว่าใจเราแข็งแรงขึ้นแล้วหนึ่งขั้น”