เมื่อคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ถูกนิยามและตั้งคำถามใหม่ คุยเฟื่องเรื่อง Design Thinking กับมีมี่-เขมจิรา คชดี

“เราอยากเปลี่ยนคำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ให้กลายเป็นคำว่า ‘ทำยังไงถึงจะเป็นไปได้’”

นี่คือประโยคแรกที่แสนทรงพลังเมื่อเราถาม มีมี่-เขมจิรา คชดี ผู้ก่อตั้ง @QuestPathWay ถึงแพชชั่นในการสร้างสรรค์เวิร์กช็อป ‘จากศูนย์สู่ดาวอังคาร’ กิจกรรมส่งเสริมกระบวนการคิดเชิงออกแบบ (Design Thinking) ที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2568 เวลา 10:00-18:00 น. ณ C asean Samyan CO-OP 

กิจกรรมในวันนั้นมีตั้งแต่การตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ฟังเส้นทางการเรียนรู้ของพี่ๆ (แม้กระทั่งการฟังเรื่องผี เพื่อแกะองค์ประกอบของเรื่องเล่า และให้เห็นถึงกระบวนการ Deconstruct เรื่องลี้ลับในสังคมไทย) กิจกรรมระดมสมอง การร่วมลงมือทำงานกับผู้อื่น ไปจนถึงการพัฒนาต้นแบบจาก ‘แนวคิด’ สู่ ‘สิ่งที่จับต้องได้’ ในบรรยากาศที่สนุกสนานและเปิดกว้าง เต็มเปี่ยมไปด้วยโอกาสในการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ที่จะสานต่อไปถึงการสร้างชุมชนมิตรภาพของเหล่าเยาวชนหัวครีเอเตอร์

โดยกิจกรรมที่ไม่ได้ตั้งต้นจากแค่การจัดเวิร์กช็อปหนึ่งวัน แต่คือความพยายามที่จะเปิดโลกของน้องๆ ให้กว้างกว่าเดิม ขยับจากพื้นที่จำกัดในห้องเรียน ไปสู่ความเป็นไปได้ที่หลากหลายมากขึ้น โดยมีจุดเริ่มต้นทั้งหมดที่มาจากความตั้งใจของน้องมีมี่ที่เป็นวิทยากร 

“เราเคยถามเด็กๆ ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร น้องๆ ตอบเพียงแค่ว่าอยากเป็นเหมือนพ่อเหมือนแม่ มันเป็นคำตอบที่ดูธรรมดาแต่กลับสะท้อนภาพใหญ่ว่าในหลายครั้งเด็กๆ อาจมองเห็นอนาคตในแบบที่เขาเคยเห็น ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่กล้าฝัน แต่เพราะยังไม่เคยเห็นว่ามีทางเลือกอื่นให้ฝัน”

“เราเลยอยากเป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ช่วยให้น้องเห็นภาพที่ใหญ่ขึ้น ปรับมุมมองให้กว้างขึ้น เห็นความเป็นไปได้หลายๆ ด้าน”

จัดกิจกรรมนี้จึงเป็นเหมือน ‘ของวิเศษ’ ที่จะช่วยเปิดโลกเหล่านั้น

มีมี่จึงเลือก ‘Design Thinking’ มาเป็นเครื่องมือแห่งความเป็นไปได้ โดยมองว่าถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ในแวดวงการพัฒนาเยาวชน หลายคนอาจเคยผ่านเวิร์กช็อป Design Thinking มานับครั้งไม่ถ้วน แต่สิ่งที่แตกต่างไปในกิจกรรมนี้คือการออกแบบให้ ‘เข้าใจผู้ใช้จริง’ (Empathy) ในบริบทแห่งความเป็นจริงที่แตกต่างไปในแต่ละคน และในวันนี้เธอเองก็มีบทบาทในการ ‘มอบเครื่องมือให้’ เท่านั้น แต่ละคนจะต้องไปเวิร์กต่อในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะเพื่อแก้ปัญหาเล็กๆ ในชีวิต หรือกระทั่งออกแบบอนาคตของตัวเองใหม่

ในภารกิจแห่งความเป็นไปได้นี้ อาจกล่าวได้ว่ากิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม ‘How to Learn Almost Anything คู่มือเรียนรู้(เกือบ)ทุกสิ่ง ฉบับนอกโรงเรียน’ ที่ทาง Creatorsgarten และมูลนิธิไทยคมได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรมไปเมื่อปี 2023 โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คนไทยมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับตัวเอง ซึ่งจะเกิดจากการเข้าใจว่าตนเองมีวิธีการเรียนรู้แบบใด (Learning Styles) ที่จะส่งผลให้ผู้เรียนได้รู้จักและเข้าใจว่าตนเองมีความชอบ ความสนใจ ต่อยอดสู่ความสนใจในเรื่องต่างๆ และเชื่อมต่อความรู้สร้างการเติบโตอย่างไรในอนาคต

สำหรับมีมี่แล้ว กิจกรรมนี้ไม่ต่างอะไรจากกิจกรรม How to Learn เพราะเป็นการขยับขยายการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้ที่ปลอดจากกรอบอันตายตัวของระบบการศึกษาแบบเดิมๆ แต่สิ่งที่เพิ่มเติมคือจากที่แต่เดิมมุ่งไปที่การพัฒนาเด็กผ่านการสร้างแรงบันดาลใจแบบ ‘น้องอยากทำอะไร มาลงมือทำอันเลย’ มาในฉบับที่โตขึ้นอย่าง ‘น้องอยากทำอะไร รู้ไหมว่าควรทำอย่างไร เรามาทำให้มันเกิดขึ้นได้จริงกัน’

ดังนั้นอนาคตของโครงการนี้ไม่ใช่แค่จัดเวิร์กช็อปวนซ้ำไปเรื่อยๆ แต่คือการสร้างคนรุ่นถัดไปที่ ‘อยากกลับมาส่งต่อ’ เหมือนที่เองเคยได้รับ

“เพราะความฝันไม่ใช่แค่ให้เด็กๆ ได้เห็นโลกกว้างขึ้น แต่ยังรวมถึงการสร้างคอมมูนิตี้เล็กๆ ที่ช่วยกันเลี้ยงดูความฝันเหล่านั้นให้เติบโต” มีมี่เล่าขยาย

แน่นอนว่าเส้นทางนี้ไม่ง่าย โดยเฉพาะเมื่อภาระในชีวิตจริง เช่น การสอบ หรือการเรียนในมหาวิทยาลัย เริ่มทับถมเข้ามา “พอส่งโปรเจกต์ผ่าน ไฟเริ่มมอด เพราะเจอไฟนอลพอดี” น้องเล่าอย่างตรงไปตรงมา แต่คำตอบของเธอกลับไม่ใช่การฝืนทำต่อไป

เธอเลือก “เบรกตัวเองเพื่อกลับไปหาความสนุก” โดยคิดว่า “เราทำสิ่งนี้เพราะความสนุก เพราะงั้นตอนทำมันต้องสนุกด้วย”

เธอกลับไปคุยกับพี่ๆ ไปลองมองรูปแบบใหม่ๆ ของ Design Thinking ที่ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากคำว่า Design เลยด้วยซ้ำ เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอกำลังทำอยูก็เป็นการออกแบบอนาคตในรูปแบบของตัวเอง

Design Thinking อาจเป็นเพียงคำพูดติดปากในหลายๆ เวที แต่ในกิจกรรมวันนั้น มันคือคำที่มีชีวิตจริงๆ เพราะคือเครื่องมือที่ไม่ได้หยิบมาใช้แค่ในเวิร์กช็อป แต่เป็นสิ่งที่ติดตัวผู้เข้าร่วมกิจกรรมกลับบ้านไปด้วย

พร้อมกับคำถามสำคัญที่สุด “ถ้าความฝันเป็นไปได้ แล้วเราจะทำยังไงให้มันเกิดขึ้น?”