หากความรู้คือแสงไฟ การเรียนรู้ก็คือการจุดประกาย และเมื่อแสงนั้นถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น แสงเล็กๆ ก็ค่อยๆ กลายเป็นแสงใหญ่ที่อบอุ่นทั้งชุมชน
Session Talk & Share ในค่าย TCF Dreamable 2025 (Young Innovators Camp) ในวันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม 2568 พาเราเดินทางจากเมืองสู่ชานบ้าน ณ ชุมชนบ้านลิ่มทอง จังหวัดบุรีรัมย์ กับบทสนทนาอบอุ่นระหว่าง น้าน้อย-สนิท ทิพย์นางรอง เกษตรกรผู้มากด้วยประสบการณ์ และ พี่ปุ้ม-ปวีณา ผลเลไลย์ TCF Team และลูกสาวของน้าน้อย ซึ่งเติบโตมากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเรียนรู้ด้วยปัญญา (Constructionism) ที่มูลนิธิไทยคมนำเข้ามายังชุมชนแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อเกือบสามทศวรรษก่อน

“เมื่อก่อนน้าน้อยใช้เคมีในการทำนาเหมือนชาวบ้านทั่วไป แต่พอได้เรียนรู้จากมูลนิธิไทยคม ก็เริ่มค่อยๆ ลดสารเคมี และเปลี่ยนมาเป็นเกษตรอินทรีย์เต็มตัวในปีที่สาม” น้าน้อยเล่า
ในวันนี้นอกจากน้าน้อยจะปลูกข้าวแบบไม่พึ่งพาสารเคมีแล้ว น้าน้อยยังรู้จักคัดพันธุ์ข้าว ศึกษาแต่ละรวงว่ามีกี่เมล็ด เพื่อพัฒนาผลผลิต และส่งต่อองค์ความรู้ให้กับเด็กๆ และสมาชิกในชุมชน จากที่เคยเก็บเกี่ยวได้แค่ 120-150 กิโลกรัมต่อไร่ วันนี้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 500 กิโลกรัมต่อไร่ ด้วยการปรับปรุงดิน และพึ่งพาปุ๋ยอินทรีย์ที่ทำเองจากวัสดุในท้องถิ่น


ชุมชนบ้านลิ่มทองเริ่มเรียนรู้กับมูลนิธิไทยคมตั้งแต่ปี 2544 ด้วยศูนย์คอมพิวเตอร์เล็กๆ ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับเด็กและเยาวชนในหมู่บ้าน หนึ่งในนั้นคือ ‘พี่ปุ้ม’ ซึ่งเติบโตมากับการเรียนรู้แบบ Constructionism จนกลายเป็นผู้ผลักดันการเปลี่ยนแปลงในชุมชนร่วมกับครอบครัว
“ตอนเด็กๆ เราเริ่มจากเรียนโปรแกรม Paint แล้วเอาไปสำรวจป่าไม้ ทำแผนที่ ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อดูชุมชนของเรา ผ่านกิจกรรมที่เราได้ทำเอง ได้ลงมือจริง”
จากนั้น การเรียนรู้ค่อยๆ ขยายวงสู่การจัดการน้ำ ดิน หญ้าแฝก จนถึงการคัดพันธุ์ข้าวพื้นเมือง เช่น ‘ข้าวจิ๊บ’ ที่คนในชุมชนค้นพบ และชนะการประกวดจนกลายเป็นแบรนด์ ‘ข้าวจิ๊บลิ่มทอง’ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ OTOP 5 ดาวจากจังหวัดบุรีรัมย์ในทุกวันนี้



แม้ก้าวแรกของการเปลี่ยนผ่านจะเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ สิ่งเหล่านี้จะทำเกษตรอินทรีย์ได้จริงไหม? จะสูญเสียผลผลิตหรือเปล่า? – คือความไม่แน่ใจที่เกษตรกรเคยคิด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม เพราะการเรียนรู้ที่ต่อเนื่องและลงมือจริง ทำให้น้าน้อยและสมาชิกในชุมชนค้นพบว่าวิถีเกษตรอินทรีย์ไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่เป็นทางรอด และทางสร้างคุณค่าที่จับต้องได้
นอกจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้น น้าน้อยยังเริ่มผลิตน้ำหมัก ปุ๋ยคอกอัดเม็ด และร่วมสร้างเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ในชุมชน ที่วันนี้ไม่ได้เป็นเพียงอาชีพ แต่เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ร่วมกันของทุกช่วงวัย และอาจกล่าวได้ว่านั่นคือการเรียนรู้แบบยั่งยืน ที่ทำให้ทุกคนในชุมชนได้เติบโตไปด้วยกัน

เหตุผลที่ชุมชนบ้านลิ่มทองเป็นต้นแบบหนึ่งของการเรียนรู้ด้วยปัญญา (Constructionism) ในโครงการของมูลนิธิไทยคม ก็เพราะที่นี่สะท้อนให้เห็นว่า การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องเริ่มในห้องเรียนเสมอไป แต่เริ่มจากความอยากรู้ ความอยากลอง และการลงมือทำอย่างต่อเนื่อง
ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนไว โลกหมุนเร็ว และความรู้มีมากเกินจะเลือกได้หมด สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่แค่การรู้ แต่คือการเรียนรู้อย่างมีปัญญา และรู้เท่าทันทั้งโลกภายนอกและภายในตัวเราเอง

เรื่องราวจากบ้านลิ่มทอง และเสียงสะท้อนจากน้าน้อยกับพี่ปุ้ม ไม่ได้เป็นแค่เรื่องราวของข้าวหรือคอมพิวเตอร์ หากแต่เป็นตัวอย่างของการใช้ทั้ง ‘ความรู้’ และ ‘หัวใจ’ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน
TCF Dreamable 2025 (Young Innovators Camp) จึงชวนเยาวชนรุ่นใหม่มาเรียนรู้จากของจริง ลงมือทำจากสิ่งรอบตัว และเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง เพราะการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน เริ่มได้จากในบ้านของเราเอง